วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ชื่อนี้เพียงเอ่ยถึงก็ชวนให้นึกถึงมนตร์ขลังและพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่าร้อยปี วัดแห่งนี้มิใช่เพียงสถานที่สำหรับประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็นเสมือน “ตักศิลา” แห่งภาคใต้ แหล่งศึกษาและถ่ายทอดวิชาไสยศาสตร์ วิทยาคม และพลังจิตขั้นสูง ต้องบอกเลยว่าที่นี่คือศูนย์รวมของครูบาอาจารย์ผู้ทรงภูมิปัญญา และเป็นที่รวมของผู้สืบทอดศาสตร์ลี้ลับที่มีพลังอย่างแท้จริง ก่อกำเนิดเป็นตำนานและเรื่องเล่าขานถึงความเข้มขลังที่ยังคงอยู่ในความเชื่อของผู้คนจนถึงทุกวันนี้ วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ วัดเขาอ้อ สถานที่ที่ไม่ใช่เพียงวัด แต่คือแหล่งรวมพลังแห่งไสยเวทและวิชาความรู้โบราณที่ล้ำค่าแห่งภาคใต้ของไทย

วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง แหล่งวิทยาคม ทางไสยศาสตร์แดนใต้
วัดตั้งอยู่หมู่ 3 ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บริเวณเชิงเขาอ้อ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายช้างนอน เป็นพื้นที่สำคัญทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์อายุกว่า 1,000 ปี ภายในวัดเต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งพระพุทธรูปโบราณใน ถ้ำฉัททันต์บรรพต, องค์ฤๅษี และเทพเจ้าต่าง ๆ รวมถึงเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม นอกจากนี้วัดยังเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมโบราณ เช่น พิธีเสกว่านให้กิน, หุงข้าวเหนียวดำ, เสกน้ำมันงาดิบ และ แช่ว่านยา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่เลยค่า
ประวัติความเป็นมา
วัดถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1651 เดิมเคยเป็นสำนักของพราหมณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์และเวทมนตร์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “สำนักเขาอ้อ” หรือ “สำนักทิศาปาโมกข์” ตามตำนานกล่าวว่า ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ระดับสูง หรือ “ตักศิลา” แห่งแดนใต้ โดยมีการแบ่งแขนงวิชาออกเป็น 2 สายหลัก คือ
- วิชาธรรมศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปกครอง การตั้งบ้านเมือง และการทำมาหากิน
- วิชาไสยศาสตร์ การแพทย์ และพิธีกรรมโบราณ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใน สาส์นตราเจ้าพระยาเมืองนครศรีธรรมราช ระบุว่า เมื่อปี พ.ศ. 2284 สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา พระมหาอินทราช จากปัตตานี ได้เดินทางมาบูรณปฏิสังขรณ์วัด พร้อมด้วย ตาปะขาวขุนแก้วเสนาขุนศรีสมบัติ ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายคฤหัสถ์ ทั้งสองได้ร่วมกันซ่อมแซมและสร้างอาคารสำคัญ เช่น อุโบสถ มณฑป พระพุทธบาทจำลอง พระพุทธไสยาสน์ และเจดีย์ พร้อมกันนั้นยังได้รับพระราชทานพระพุทธรูป 2 องค์จากพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศอีกด้วย วัดเขาอ้อ เดิมมีชื่อว่า วัดประดู่หอม ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดเขาอ้อ” ในสมัย พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต เป็นเจ้าอาวาส ปัจจุบันถือเป็นวัดเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดพัทลุง

วัดเขาอ้อ แหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์
วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ที่นี่เป็นแหล่งรวมวิทยาคมไสยศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีพระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาไสยเวทเป็นที่พึ่งทางจิตใจของประชาชนมากมาย อาทิ พระอาจารย์ทองเฒ่า (พระครูสิทธิยาภิรัต – เอียด), พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์, พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา, พระครูพิพัฒน์สิริธร (อาจารย์คง) วัดบ้านสวน, พระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ รวมถึงฆราวาสผู้เลื่องชื่ออย่าง ขุนพันธรักษ์ราชเดช เชื่อกันว่าเจ้าอาวาสของวัดเขาอ้อทุกรูปล้วนมีความชำนาญในไสยเวท คงกระพันชาตรี และการแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะการใช้ “ว่าน” สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ จึงเกิดเป็นพิธีกรรมสำคัญ เช่น พิธีแช่ว่าน และ พิธีหุงข้าวเหนียวดำ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของสำนักเขาอ้ออย่างแท้จริง
วัดเขาอ้อ พิธีแช่ว่าน
พิธีแช่ว่านยา ถือเป็นพิธีกรรมชั้นสูงทางไสยศาสตร์ของสำนักวัดเขาอ้อ โดยผู้เข้าพิธีจะลงไปนอนแช่ใน “รางยา” ซึ่งบรรจุน้ำที่ปลุกเสกด้วยว่านยาศักดิ์สิทธิ์ตามตำรา เพื่อเสริมความอยู่ยงคงกระพันและป้องกันภัยอันตราย เชื่อกันว่าวัดเขาอ้อเป็นต้นตำรับของพิธีนี้ ก่อนจะเผยแพร่ไปยังวัดอื่น ๆ ในพัทลุง เช่น วัดดอนศาลา วัดบ้านสวน และวัดเขาแดงออก พิธีมักจัดขึ้นบริเวณไหล่เขาหรือในถ้ำฉัททันต์ ช่วงเดือน 5 และเดือน 10 ของทุกปี โดยใช้อ่างน้ำที่เรียกว่า “รางยา” ซึ่งอาจทำจากไม้หรือก่อขึ้นเป็นสี่เหลี่ยมเพื่อรองรับผู้เข้าพิธีได้หลายคน พร้อมเครื่องบูชาครูจำนวนมาก เช่น หัวหมู บายศรี แหวนทองคำ และเครื่องประกอบพิธีอื่น ๆ ตามแบบโบราณ ศิษย์ที่ผ่านพิธีนี้ เชื่อกันว่าจะได้รับพลังคงกระพันอย่างแท้จริง โดยศิษย์เอกผู้มีชื่อเสียง ได้แก่ พระอาจารย์นำ ชินวโร (แก้วจันทร์) แห่งวัดดอนศาลา และ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช นักปราบโจรในตำนาน

ข้อปฏิบัติการอาบว่านแช่ยา วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง
- ห้ามผิดลูกเมียผู้อื่น
- ห้ามการร่วมเพศแบบผิดธรรมชาติ (เช่น การใช้ปาก)
- ห้ามกินอาหารดิบ หรืออาหารต้องห้ามบางชนิด เช่น ปลาไม่มีเกล็ด ฟักแฟง น้ำเต้า
- ห้ามนอนใต้คานหรือใต้บันไดบ้าน
- ห้ามด่าบุพการีหรือครูอาจารย์
- ห้ามเดินทางช่วงใกล้ค่ำ
- ห้ามคบผู้หญิงที่คร่อมดวง

ที่เที่ยว ถ้ำฉัททันต์บรรพต หรือ ถ้ำพระ ในวัดเขาอ้อ
ถ้ำฉัททันต์บรรพต หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ถ้ำพระ” เป็นถ้ำโบราณอายุหลายล้านปี เต็มไปด้วยบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลัง ภายในมีรูปเหมือนของ พระอาจารย์ทองเฒ่า เกจิผู้เรืองเวทในอดีตที่ว่ากันว่าสามารถเดินข้ามเขาและแบกหินก้อนใหญ่ได้ด้วยคาถา ฝั่งตรงข้ามเป็นหินธรรมชาติที่มีรูปร่างคล้ายหน้าช้าง เรียกว่า “พระยาฉัททันต์” ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพบูชาอย่างมาก เดินลึกเข้าไปอีกจะพบพระพุทธรูปองค์เล็กหลายองค์ แทนบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับวัด คำว่า “ฉัททันต์” มาจากช้างตระกูลหนึ่งในป่าหิมพานต์ ส่วน “บรรพต” แปลว่า ภูเขา สื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้โดยแท้
- โดราเอมอน บุกไทยที่ ไอคอนสยาม งานนิทรรศการ 100% Doraemon & Friends Tour in Thailand - April 28, 2025
- เตรียมปักหมุด! สงกรานต์พระประแดง 2568 ระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน - April 22, 2025
- แช่ว่านศักดิ์สิทธิ์ วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง สุดยอดวิชาไสยเวท - April 21, 2025